Smartphone Reviews

รีวิว Huawei Mate 20 Pro: ดีมาก กล้องเด่น แต่โดยรวมยังไม่ใช่แชมป์

Huawei Mate 20 Pro สมาร์ทโฟนตัวท็อปจากหัวเหว่ยประจำปี 2018 เป็นรุ่นที่หลายคนตั้งตารอคอยด้วยกล้องที่มีชื่อเสียงยอดเยี่ยมมาตลอด แต่ Mate 20 Pro จะสู้กับเรือธงค่ายอื่นได้ไหม การใช้งานเป็นอย่างไร มาดูกัน

รีวิวนี้ใช้ Huawei Mate 20 Pro สี Emerald Green ความจุ 128 GB เครื่องศูนย์ไทย โดยผู้รีวิวเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ดังกล่าวด้วยตนเอง

ดีไซน์

เมื่อมองจากภายนอกแล้ว สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ Huawei Mate 20 Pro เห็นจะเป็น “กล้องคี่” ที่มีมาถึงสามตัว รวมไว้กับแฟลช LED ในเกาะสีดำตรงกลางด้านหลังเครื่อง ท่ามกลางฝาหลังกระจกที่เป็นลวดลายเส้นบางๆ

Mate 20 Pro

ด้านหน้าของ Huawei Mate 20 Pro ทักทายผู้ใช้ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่จนเรียกว่าเต็มพื้นที่ก็คงจะไม่ผิด สีดำของหน้าจอและขอบจอกลืนกันอย่างแนบเนียน มุมทั้งสี่ของเครื่องโค้งมน เช่นเดียวกับขอบเครื่องด้านข้างที่โค้งมาจากด้านหลัง รับกับขอบหน้าจอที่โค้งงอไปด้านหลัง ทำให้จับถนัดมืออย่างมาก โดยรวมให้ความรู้สึกที่ดีมากเวลาถือไว้ในมือ

Mate 20 Pro

เมื่อดูเผินๆ จากการมองครั้งแรก Huawei Mate 20 Pro ให้ความรู้สึกว่าเป็น “Galaxy S9+ ที่มีรอยบาก” อย่างมาก ถึงกระนั้นการออกแบบก็ทำให้รู้สึกว่าพรีเมียมได้ดีมาก เรียกว่าดูในภาพอาจรู้สึกแปลกๆ แต่ในสัมผัสจริงให้ความรู้สึกที่ดี

หน้าจอ

Huawei Mate 20 Pro มีหน้าจอ OLED ขอบบาง ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด 2K มีความหนาแน่นพิกเซลสูงถึง 538 จุดต่อตารางนิ้ว เทียบกับคู่แข่งอย่าง Galaxy Note9 ที่มีความหนาแน่น 516 ppi

หน้าจอให้สีสันที่สดใส แต่จากความรู้สึกแล้ว Note9 ยังให้สีที่สดกว่า ในขณะที่ Mate 20 Pro จะมีความสดและความสบายตาไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งบน Mate 20 Pro ยังมีฟีเจอร์ปรับโทนสีหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแสงภายนอกโดยอัตโนมัติด้วย เช่น อยู่ในห้องที่มีไฟส้มๆ หน้าจอก็จะปรับโทนออกมาส้มเล็กน้อย แล้วแต่สภาพแสง

การใช้งานกลางแจ้งในสภาพแสงจ้าสามารถมองเห็นได้ชัดเจน และการใช้งานในที่แสงน้อยก็ไม่แสบตา (แต่ไม่แนะนำให้มองหน้าจอในที่มืดนานๆ นะครับ) เรียกว่ามีช่วงความสว่างที่สมดุลกันดี

ด้วยความที่มีขอบจอบาง และด้านข้างยังโค้งไปกับตัวเครื่องอีก ก็ทำให้มีความรู้สึกเหมือนด้านหน้ามีเพียงหน้าจอ และเรากำลังถือแค่หน้าจออยู่ในมือ

Mate 20 Pro

สำหรับรอยบากด้านบนนั้นสามารถตั้งค่าให้แสดงพื้นหลังเป็นแถบดำเพื่อซ่อนรอยบากได้ โดยที่พื้นที่ตรงนั้นยังใช้แสดงไอคอนการแจ้งเตือนตามปกติ แต่ในการใช้งานจริงแล้วรอยบากก็ไม่ได้เป็นที่น่ารำคาญอะไร เชื่อเถอะว่าสุดท้ายคุณก็จะปล่อยรอยบากให้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้ซ่อนมันหรอก

เสียง

Huawei Mate 20 Pro มาพร้อมลำโพงสเตอริโอ ตัวหนึ่งอยู่ในรอยบากด้านบน อีกตัวซ่อนอยู่ภายในช่องชาร์จ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่น่าพอใจสำหรับสมาร์ทโฟนในราคานี้ เสียงจากลำโพงมีลักษณะแบน มิติน้อย และมีเบสน้อยมาก จะเน้นไปทางแหลมมากกว่า และแม้จะเร่งเสียงจนสุดก็ยังไม่ได้ดังมาก ถือว่าลำโพงเป็นจุดด้อยของ Huawei Mate 20 Pro

เมื่อเสียบหูฟัง สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไปด้วยความช่วยเหลือจากระบบเสียง Dolby Atmos ที่ทำให้เราสามารถปรับอีควอไลเซอร์เองได้ หรือจะใช้โหมดสมาร์ทให้ระบบจัดการให้ก็ได้

อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วในด้านเสียงแพ้ Galaxy Note9 อย่างราบคาบ

ประสิทธิภาพและซอฟต์แวร์

Huawei Mate 20 Pro ใช้หน่วยประมวลผล Kirin 980 แปดคอร์ เป็นชิปสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตรตัวแรกของหัวเหว่ย ทำงานคู่กับแรมขนาด 6 GB (และ 8 GB สำหรับรุ่นความจุ 256 GB) ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 9.0 รุ่นล่าสุด ครอบทับด้วยหน้าตาของ EMUI 9.0

การใช้งานก็ทำได้ลื่นตามคาดอย่างที่ควรจะเป็นในสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ เข้าแอพ ออกแอพ สลับแอพได้อย่างลื่นไหล และเมื่อใช้งานคู่กับการปาดนิ้วก็ยิ่งทำให้การใช้งานดูเป็นธรรมชาติขึ้น ฟังก์ชันการทำงานต่างๆ เช่น เปิดแอพคู่กันสองแอพ ย่อแอพลงมาเป็นหน้าต่าง picture-in-picture ก็มีมาให้ตามปกติ

Mate 20 Pro

หน้าตาของ EMUI 9.0 ยังไม่ได้เปลี่ยนไปมากจาก EMUI 8.0 หรือแม้แต่ 7.0 (ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแย่แต่อย่างใด) สำหรับคนที่ใช้สมาร์ทโฟนหัวเหว่ยรุ่นอื่นมาก่อนอาจไม่ชอบใช้ Launcher ตั้งต้นของ EMUI แต่ด้วยตัวเครื่องภายนอก Huawei Mate 20 Pro ที่สวย ทำให้ผมรู้สึกว่ารอบนี้หน้าตาของ EMUI เข้ากันกับตัวเครื่องได้ดี

การควบคุมเครื่องมีให้เลือกสามแบบ ได้แก่ ปุ่มนำทางสามปุ่มที่เราคุ้นเคย ปุ่มกลมที่ใช้งานด้วยการกดและปัด และอย่างสุดท้ายเป็นแบบใหม่ นั่นคือการควบคุมด้วยท่าทาง ปัดจากล่างขึ้นบนเพื่อกลับหน้าโฮม หรือลากขึ้นมาค้างไว้เพื่อดูแอพที่เปิดล่าสุด และปัดจากขอบจอซ้ายหรือขวาเพื่อย้อนกลับ จากการใช้งานพบว่าทำงานได้ดีและลื่น แต่ในแอพที่ต้องเลื่อนเมนูออกมาจากด้านข้างอาจจะมีปัญหาบ้าง ก็ต้องเอื้อมนิ้วขึ้นไปช่วงบนๆ ของหน้าจอ

Mate 20 Pro

EMUI มาพร้อมกับธีมสีดำมานานแล้ว ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้แล้ว ยังดูสวยบนหน้าจอ OLED อีกด้วย

EMUI 9.0 มีฟีเจอร์ Digital Balance คล้ายกับ Digital Wellbeing บนสมาร์ทโฟน Google Pixel โดยฟีเจอร์นี้ใช้สำหรับควบคุมการใช้งานมือถือของเรา สามารถดูจำนวนครั้งการปลดล็อคหน้าจอได้ สามารถดูได้ว่าเราใช้เวลาไปกับแอพอะไรเท่าไรบ้าง และสามารถจำกัดเวลาให้แต่ละแอพได้ด้วย

สแกนหน้า สแกนนิ้ว

Huawei Mate 20 Pro ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกๆ ในตลาดที่รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ในการใช้งานก็จะต้องวางนิ้วลงบนตำแหน่งเซ็นเซอร์ซึ่งอยู่พอเหมาะกับนิ้วโป้ง และออกแรงกดเบาๆ

Mate 20 Pro

การสแกนนิ้วจะไม่ได้รวดเร็วเหมือนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบธรรมดา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าช้า ข้อเสียคือในการเพิ่มลายนิ้วมือค่อนข้างจะใช้เวลา และการสแกนประมาณ 3 ใน 10 ครั้งก็ไม่ผ่าน แต่ถือว่าชดเชยได้ด้วยความสะดวกในการวางนิ้ว และยังดูทันสมัยด้วย

Huawei Mate 20 Pro ยังมาพร้อมกับระบบสแกนใบหน้าอีกด้วย โดยเป็นการสแกนแบบสามมิติด้วยจุดอินฟราเรด เช่นเดียวกับ iPhone X ทำให้สามารถใช้งานในที่มืดสนิทได้ และยังสแกนได้เร็วมากอย่างน่าประทับใจอีกด้วย เรียกว่าเกือบจะทันทีเลยก็ได้ (เร็วกว่าสแกนนิ้ว) แต่ข้อเสียของการสแกนใบหน้าแบบอินฟราเรดก็คือจะใช้เวลาเพิ่มขึ้น (เพียงเล็กน้อย) เมื่อสแกนในที่แสงจ้า

Mate 20 Pro

About author

A software developer who likes journalism
Related posts
Smartphone Reviews

รีวิว Oppo Reno2: กล้องดีมาก เล่นเกมลื่น กับอนาคตที่ไม่แน่นอน

News

ยุโรปและเอเชียเร่งขายหัวเหว่ยมือสอง, อังกฤษพุ่ง 154%

News

Hongmeng OS จะใช้แอปแอนดรอยด์ได้, รองรับมือถือ ทีวี นาฬิกา

News

หัวเหว่ยแถลงการณ์ สนับสนุนอุปกรณ์ตนเองต่อ รวมอัปเดตความปลอดภัย