Wearable Reviews

รีวิว Ticwatch E: Android Wear ที่คุ้มค่าที่สุด

สมาร์ทวอทช์เป็นสิ่งหนึ่งที่เริ่มจะพบเห็นได้ทั่วไปในบ้านเราแล้ว ซึ่งสองยี่ห้อที่เรามักจะพบกันบ่อยๆ ก็คือ Samsung Gear และ Apple Watch แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ราคาน่าคบหา และมีฟีเจอร์ครบครันด้วย นั่นคือ Ticwatch E นั่นเอง

ก่อนอื่นขอเล่าที่มาของนาฬิกา Ticwatch E กันก่อน Ticwatch เป็นแบรนด์นาฬิกาของบริษัท Mobvoi สัญชาติจีน ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านซอฟต์แวร์และปัญญาประดิษฐ์ และยังได้เงินทุนจากบริษัทมากมาย รวมทั้ง Google

สำหรับตัว Ticwatch E (และ Ticwatch S) นั้น ก็เป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นที่สามของ Mobvoi ต่อมาจาก Ticwatch และ Ticwatch 2 ที่เปิดตัวไปก่อน โดยทั้ง Ticwatch S และ E นั้นเป็นโปรเจ็กต์อุปกรณ์สวมใส่ที่ได้รับการระดมทุนมากที่สุดเป็นอันดับสองของเว็บไซต์ Kickstarter เลยทีเดียว

หมายเหตุ: ทำการรีวิวกับโทรศัพท์แอนดรอยด์

ดีไซน์

Ticwatch E ที่นำมารีวิวในครั้งนี้เป็นสีดำนะครับ แต่ก็มีสีขาวและสีเลม่อนให้เลือกด้วยเช่นกัน สำหรับสีดำนี้ วัสดุตัวเรือนเป็นพลาสติกแบบด้านที่ให้ความรู้สึกเรียบ เรียบทั้งในความหมายของพื้นผิวและในทางดีไซน์ ดูสะอาด

ตัวเรือนมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มิลลิเมตร หนา 13.5 มิลลิเมตร และหน้าปัดเป็นกระจกกันรอยขนาด 1.4 นิ้ว ขอบอาจจะดูหนาเล็กน้อยทำให้ไม่ได้ดูหรูหรามาก แต่ก็ดูสมส่วน สายนาฬิกาเป็นซิลิโคนสีดำ สามารถถอดเปลี่ยนได้ตามปกติ

การใช้งานทั่วไป

หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของนาฬิกาคงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากการบอกเวลา ซึ่ง Ticwatch E ก็บอกเวลาผ่านหน้าจอ OLED ที่มีความหนาแน่นพิกเซล 287 dpi ได้อย่างชัดเจนแม้ในที่แสงจ้า เราสามารถปรับความสว่างของหน้าจอได้เอง แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงเพื่อปรับความสว่างให้อัตโนมัติ

ในการดูเวลา เราสามารถตั้งให้หน้าจอเปิดตลอดก็ได้ โดยจะแสดงเป็นสีขาว-ดำ และเรายังสามารถใช้งานฟีเจอร์ยกข้อมือเพื่อเปิดหน้าจอก็ได้เช่นกัน แต่จะมีข้อเสียเล็กน้อยตรงที่มีดีเลย์ประมาณเกือบหนึ่งวินาที อีกวิธีหนึ่งก็คือการแตะหน้าจอสองครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ ซึ่งวิธีทั้งสามนี้ไม่ใช่ให้เลือกวิธีใดวิธีหนึ่งนะครับ สามารถใช้งานทุกแบบพร้อมกันได้เลย

Ticwatch E มาพร้อมแรม 512 MB และพื้นที่เก็บข้อมูล 4 GB ขับเคลื่อนด้วยซีพียู 1.2 Ghz ผมก็ไม่ทราบได้ว่าสเปกที่ให้มามันถือว่าเยอะ น้อย หรือพอดี แต่ในการใช้งานแล้วก็ลื่นไหล ไม่ได้พบปัญหาแอพเด้งออกหรือการสะดุดแต่อย่างใด

ระบบภายในของ Ticwatch E เป็น Wear OS (หรือชื่อเดิมก็คือ Android Wear) เวอร์ชัน 2.10.0 บนพื้นฐานแอนดรอยด์ 7.1.1 ณ วันที่รีวิว ทำให้มีฟังก์ชันพื้นฐานของ Wear OS ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนหน้าปัด การเช็คการแจ้งเตือนบนมือถือ การดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากบน Play Store และ Google Assistant เป็นต้น

ในการป้อนข้อความต่างๆ เช่น ตอบแชท เราสามารถพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดบนหน้าจอได้ สามารถลาก (swipe) เป็นคำได้ ซึ่งจากการใช้งานก็ถือว่าพิมพ์ได้แม่นยำเกินคาด อีกวิธีหนึ่งก็คือสามารถพิมพ์ด้วยเสียงได้ ในการใส่อิโมจิก็สามารถทำได้เช่นกัน ด้วยการวาดภาพเป็นอิโมจิที่เราต้องการ ตัวคีย์บอร์ดก็จะไปค้นหาอิโมจิดังกล่าวมาให้และให้เราเลือก

มี Wi-Fi ในตัวทำให้โหลดแอพหรือใช้งานอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องพึ่งมือถือ

Ticwatch E เชื่อมต่อกับมือถือของเราผ่านบลูทูธ 4.1 แบบประหยัดพลังงาน (BLE) และตัวมันเองก็มี Wi-Fi ในตัว ซึ่งเมื่อเปิดไว้แล้วมันจะสลับการทำงานระหว่างบลูทูธและ Wi-Fi อัตโนมัติ ทำให้เปิดทิ้งไว้ได้ไม่ต้องกลัวเปลืองแบตฯ การที่มันมี Wi-Fi ในตัวนี้เอง ทำให้สามารถโหลดแอพหรือใช้งานฟังก์ชันที่ต้องการอินเทอร์เน็ตต่างๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งมือถือเลย

ด้วยความที่มีไมโครโฟนและลำโพงในตัว เราจึงสามารถคุยโทรศัพท์บน Ticwatch E ได้เช่นกัน แต่ต้องเชื่อมต่อกับมือถือผ่านบลูทูธก่อน

สำหรับการเล่นเพลง เราก็สามารถควบคุมได้ผ่านบนนาฬิกาเช่นกัน อย่างในภาพด้านล่างคือใช้งานกับ Apple Music สามารถเล่น หยุด ข้าม ย้อนเพลงได้

Google Assistant

เนื่องจาก Ticwatch E ใช้ระบบ Wear OS จึงมีผู้ช่วยส่วนตัว Google Assistant มาให้ด้วย ซึ่งก็รองรับการพูด “Ok, Google” เวลาที่หน้าจอเปิดอยู่ (ไม่รวม Always-on display) เพื่อเรียกขึ้นมาทำงาน

คำสั่งที่ใช้งานได้ก็ค่อนข้างทัดเทียมกับ Google Assistant บนสมาร์ทโฟน การสั่งงานด้วยเสียงจึงถือเป็นการเพิ่มความสะดวกในการใช้งานสมาร์ทวอทช์ขึ้นไปอีก เช่น “start a workout”, “remind me to call home at work”, “send a Telegram message to John”

การออกกำลังกาย

ประโยชน์ด้านการออกกำลังกายเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่คนเราหาสมาร์ทวอทช์มาใช้กัน Ticwatch E ก็สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีเนื่องจากมี GPS ในตัว ทำให้สามารถใส่ออกไปวิ่งได้โดยไม่ต้องนำมือถือไปด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจมาให้ด้วย

มี GPS ในตัว ใส่ออกไปวิ่งได้โดยไม่ต้องนำมือถือไปด้วย

จากการใช้งานกับแอพ Google Fit ก็พบว่า GPS ใช้เวลาระบุตำแหน่งสักพัก ส่วนใหญ่แล้วประมาณ 30 วินาทีได้ ถือว่านานอยู่จนบางครั้งอาจหงุดหงิด แต่ความแม่นยำถือว่าใช้ได้ ระหว่างทางก็มีการวัดอัตราการเต้นหัวใจไปตลอด ซึ่งตัวนาฬิกาก็ไม่ได้ร้อนขึ้น และไม่ได้กินแบตฯ มาก จากการใช้งานขี่จักรยาน 3.5 กม. 20 นาทีทุกวัน มักจะใช้แบตฯ ประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์

Ticwatch E มาพร้อมมาตรฐาน IP67 นั่นคือสามารถกันฝุ่นได้ และกันน้ำลึก 1 เมตร นาน 30 นาที ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเหงื่อเช่นกัน (แต่สำหรับน้ำทะเลนั้นก็แนะนำว่าไม่ควรครับ ไม่ควรจุ่มอะไรลงไปในน้ำทะเลทั้งสิ้น)

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ของ Ticwatch E นั้นหากใช้งานเบาๆ เชื่อมต่อมือถือ ไม่เปิด Always-on display และไม่ใช้ออกกำลังกาย ก็มีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ได้ยาวสองวันเต็ม (ชาร์จตอนเช้า แล้วหมดตอนเย็นของวันถัดไป) แต่ถ้าใช้งานแบบผม ก็คือ ถอดปลั๊ก 7 โมงก่อนออกจากบ้าน เชื่อมมือถือตลอด ไม่เปิด Always-on display ตั้ง Wi-Fi ออโต้ บันทึกการขี่จักรยานรวมประมาณ 15 นาที ใช้งานนาฬิกาเล็กน้อย แบตเตอรี่จะเหลือราว 60% เวลา 6 โมงเย็นครับ

สำหรับการชาร์จ 0-100% ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สายชาร์จเป็นแบบพิเศษ ด้านหนึ่งเป็น USB Type-A ปกติ ส่วนอีกด้านแปะกับตัวเรือนด้วยแม่เหล็กที่แน่นพอสมควร คือไม่ได้ถึงกับแน่น แต่ก็ไม่ได้หลวม

สรุป

Ticwatch E เป็นสมาร์ทวอทช์ที่คุ้มค่ามาก ด้วยราคาที่ส่วนใหญ่จะหาซื้อได้ในราคาไม่ถึง 5,000 บาท (บางครั้งต่ำกว่า 4,000) ก็ได้นาฬิกา Wear OS แล้ว แถมมี Wi-Fi และ GPS ในตัวอีก จึงถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มมาก ใครกำลังมองหาสมาร์ทวอทช์อยู่ Ticwatch E ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ

About author

A software developer who likes journalism
Related posts
Wearable Reviews

รีวิว Samsung Galaxy Watch5: ดีครบเครื่อง แต่แบตควรอึดกว่านี้ และบางฟีเจอร์ใช้ในไทยไม่ได้

News

เปิดตัว Galaxy Watch4 ใช้ Wear OS, เร็วขึ้น 20%, วัดมวลร่างกายด้วยสองนิ้ว

Wearable Reviews

รีวิว Xiaomi Amazfit GTS: นาฬิกาสายสุขภาพดีไซน์หรู

News

สมาร์ทวอทช์อาจช่วยไขคดี 'ลันลาเบล'

7 Comments

Comments are closed.